“คนละครึ่ง” เฟส4 29 ล.คนเฮ!

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

“รัฐบาล”เผย 1 ก.พ.นี้ เตรียม “เป๋าตัง” ให้พร้อม แจก 29 ล้านสิทธิ ผู้เคยรับสิทธิเดิมแค่กด”ยืนยัน”ใช้คนละครึ่ง เฟส 4 ได้ทันที “นายกฯ” สั่งคลังเตรียมระบบให้พร้อมรองรับการใช้งาน ด้าน”สวนดุสิตโพล”เผย”ปชช.”ไม่ค่อยเชื่อมั่นรัฐแก้ปัญหาของแพง จี้พูดความจริง

เมื่อวันที่ 30 ม.ค.65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีความห่วงใยประชาชนทุกกลุ่ม และสั่งการให้เร่งบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพของประชาชน จากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยังคงส่งผลกระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจไทย ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการคนละครึ่งระยะที่ 4 กรอบวงเงิน 34,800 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้กับประชาชนจำนวนสิทธิรวม 29 ล้านสิทธิ โดยสนับสนุนวงเงินค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป และบริการ นวดสปา ทำผม ทำเล็บ และบริการขนส่งสาธารณะ ยกเว้นสลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และสินค้าหรือบริการที่กระทรวงการคลังกำหนด จากภาครัฐในอัตราร้อยละ 50 ทั้งนี้ ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน และไม่เกิน 1,200 บาทต่อคน ให้กับประชาชนผู้ได้รับสิทธิที่เข้าร่วมโครงการจำนวนไม่เกิน 29 ล้านคน

ล่าสุด กระทรวงการคลังได้เร่งดำเนินการให้ประชาชนสามารถใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งเฟส 4 ได้เร็วขึ้นเริ่มวันที่ 1 ก.พ. โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ 1.ประชาชนที่ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 มีจำนวน 27.98 ล้านสิทธิ กลุ่มนี้สามารถกดยืนยันสิทธิในแอพเป๋าตังค์ได้ในวันที่ 1 ก.พ.65 เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป โดยจะต้องเริ่มใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ภายในวันที่ 28 ก.พ.65 เวลา 22.59 น. หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวจะถูกตัดสิทธิ โดยสิทธิที่เหลืออาจจะนำมาพิจารณาเปิดให้ลงทะเบียนอีกครั้ง และกลุ่มที่ 2 ผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมโครงการฯ เพิ่มให้อีก 1 ล้านกว่าสิทธิ เพื่อให้ครบ 29 ล้านสิทธิ โดยกลุ่มใหม่นี้สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.65 และสามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ.ถึง 30 เม.ย.65 ซึ่งสามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง หรือ ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com

“ในครั้งนี้ นายกฯ ได้เร่งรัดโครงการคนละครึ่งเฟส 4 ให้เร็วขึ้นจากเดิมที่ได้กำหนดช่วงเดือนมี.ค. และยังได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบระบบให้พร้อมใช้งาน ช่วยลดภาระประชาชนได้ทันที”
ขณะที่ สวนดุสิตโพล จากมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชน กรณีการใช้ชีวิตของคนไทยในยุคข้าวของแพง พบว่า สินค้าที่พบเห็นหรือซื้อแพงกว่าปกติ ร้อยละ 92.75 เนื้อหมู โดยสาเหตุที่ทำให้สินค้าแพง ร้อยละ 65.02 ระบุ เกิดโรคระบาดในสัตว์ เมื่อถามถึงการแก้ปัญหาสินค้าแพง พบว่า ร้อยละ 77.20 ระบุว่าควบคุมการใช้จ่าย ร้อยละ 57.37 ระบุ เปลี่ยนไปกินอย่างอื่นแทนที่ยังไม่ขึ้นราคา อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 58.99 ระบุว่า อยากให้รัฐบาลพูดความจริง ไม่ปิดบังข้อมูล ร้อยละ 58.27 ระบุว่า ตรึงราคา ควบคุมสินค้า ทั้งนี้ประชาชนร้อยละ 47.27 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาสินค้าแพงของรัฐบาล รองลงมา ร้อยละ 35.42 ไม่เชื่อมั่น ภาพรวมประชาชน ร้อยละ 34.93 ระบุว่า จะแบกรับภาระราคาสินค้าแพงไปได้อีกประมาณไม่เกิน 3 เดือน รองลงมา ร้อยละ 28.53 ระบุว่า ไม่เกิน 6 เดือน ร้อยละ 18.56 ระบุว่า ไม่เกิน 1 เดือน

อ้างอิง
https://siamrath.co.th